1. การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (คอมพิวเตอร์ช่วยสอน)
เป็นการใช้โปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้และการฝึกอบรม
2. สื่อประสม เป็นการใช้ระบบสื่อประสมในลักษณะตัวอักษร
ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหวและเสียง ในการเรียนการสอนและการฝึกอบรม
3. การประชุมทางไกลโดยวีดีทัศน์
เพื่อเชื่อมโยงการเรียนการสอนระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
ระหว่างสถาบันการศึกษาให้ได้เรียนรู้พร้อมกัน
4. ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สอนและผู้เรียนในการสืบค้นระยะไกล
และเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างบุคลที่อยู่นอกระบบการศึกษาภาคปกติ
5. ระบบสารสนเทศ เป็นการรับ ประมวลผล
และจัดการข้อมูลภายในสถาบันการศึกษา เช่น การตรวจข้อสอบและคำนวณผลสอบ
การลงทะเบียนนักศึกษา การใช้บริการห้องสมุด ฯลฯ
6. ระบบฐานข้อมูล
เป็นระบบจัดการและเก็บรักษาฐานข้อมูลต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลนักศึกษา ฐานข้อมูลอาจารย์
ฐานข้อมูลวัสดุอุปกรณ์การศึกษา ฯลฯ
7. ระบบข่ายข้อมูล
โดยใช้ระบบอินเทอร์เน็ตทั้งภายในและภายนอกสถาบันเพื่อการเรียนการสอนและการสื่อสาร
นางสาววลัยรัตน์ โตวิกกัย (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/242734) ได้อธิบายไว้ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทต่อการศึกษาเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคม บทบาทที่สำคัญของเทคโนโลยีต่อการพัฒนาการศึกษา
1. เทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนช่วยในเรื่องการเรียนรู้ ปัจจุบันมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้หลายอย่าง
เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน, ระบบมัลติมีเดีย, ระบบวิดีโอออนดีมานด์, วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ และอินเตอร์เน็ต
(Internet) เป็นต้น
ระบบเหล่านี้เป็นระบบสนับสนุนการรับรู้ข่าวสารและการค้นหาข้อมูลข่าวสารเพื่อการเรียนรู้
2. เทคโนโลยีที่เข้ามาสนับสนุนการจัดการศึกษา ในการจัดการศึกษาสมัยใหม่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารเพื่อการวางแผนการดำเนินการ
การติดตาม ประเมินผลคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารโทรคมนาคม
3. เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การสื่อสารระหว่างบุคคล เกือบทุกวงการทั้งทางด้านการศึกษาจำเป็นต้องอาศัยการสื่อสารระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน
ผู้เรียนกับผู้เรียน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการเรียนการสอน
และการดำเนินงานในหลายด้าน ทั้งนี้โดยอาศัยเทคโนโลยีการสื่อสาร การดำเนินงานและเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างบุคคล
เช่น การใช้โทรศัพท์ โทรสาร เทเลคอนเฟอเรนส์ และไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
http://science.srru.ac.th/org/sci-elearning/courseonline/4000108/unit7.pdf เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญในการศึกษาและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้
คือ
1. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นการนำเอาเทคโนโลยีรวมกับการออกแบบโปรแกรมการสอนมาใช้ช่วยสอน
ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่าบทเรียน ซีเอไอ การจัดโปรแกรมการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนในปัจจุบันมักอยู่ในรูปของสื่อประสม
(Multimedia) หมายถึงนำเสนอได้ทั้งภาพ ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวฯลฯ
โปรแกรมช่วยสอนนี้เหมาะกับการศึกษาด้วยตนเอง และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับบทเรียนได้ตลอด
จนมีผลป้อนกลับเพื่อให้ผู้เรียนรู้บทเรียนได้อย่างถูกต้องและเข้าใจในเนื้อหาวิชาของบทเรียนนั้นๆ
2. การเรียนการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลัก เป็นการจัดการเรียนที่มีสภาพการเรียนต่างไปจากรูปแบบเดิม
การเรียนการสอนแบบนี้อาศัยศักยภาพและความสามารถของเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นการนำเอาสื่อการเรียนการสอนเป็นเทคโนโลยีสูงสุดมาช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนให้เกิดการเรียนรู้จากการสืบค้นข้อมูล
และเชื่อมโยงเครือข่ายทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกสถานที่และทุกเวลา การจัดการเรียนการสอนลักษณะนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ
ได้แก่ การเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web-based Instruction) การฝึกอบรมผ่านเว็บ
(Web-based Trainning) การเรียนการสอนผ่านเวิล์ดไวด์เว็บ
(www-based Instruction) การฝึกอบรมผ่านเวิล์ดไวด์เว็บ
(www-based Trainning) เป็นต้น
3. การใช้มัลติมีเดีย คือการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับโปรแกรมซอฟต์แวร์ในการสื่อความหมายโดยการ
ผสมผสานสื่อหลายชนิด เช่น ข้อความ สีสรรค์ ภาพกราฟิก ภาพเครื่องไหว เสียง และภาพพยนต์วีดิทัศน์
และผู้ใช้สามารถควบคุมสื่อให้เสนอของมาตามต้องการได้ ระบบนี้จะเรียกว่า มัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์
การปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้สามารถกระทำได้โดยผ่านทางคีย์บอร์ด เมาส์ หรือตัวชี้เป็นต้น
4. ระบบการเรียนการสอนทางไกล
ระบบการกระจายการศึกษาที่ได้ผลในปัจจุบัน และเข้าถึงมวลชนจำนวนมาก ย่อมต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าช่วย
ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีสถานีโทรทัศน์เพิ่มขึ้นอาจจะมากกว่า 100 ช่องในอนาคต ดังนั้นการใช้ระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนทางไกลเพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษา
5. ไฮเปอร์เท็กซ์
ปัจจุบันได้มีการกล่าวถึงระบบไฮเปอร์เท็กซ์กันมากแม้แต่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตก็มีการประยุกต์ใช้ไฮเปอร์เท็กซ์จนมีโปรโตคอลพิเศษที่ใช้กัน
คือ World Wide Web หรือเรียกว่า www. โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้โปรโตคอลhttpเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบไฮเปอร์เท็กซ์ซึ่งเป็นฐานข้อมูลในอินเตอร์เน็ต
6. วิดีโอออนดีมานด์ เป็นระบบที่มีศูนย์กลางการเก็บข้อมูลวีดิทัศน์ไว้จำนวนมาก
โดยจัดเก็บในรูปแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ เมื่อผู้ใช้ต้องการเลือกชมรายการใดก็เลือกได้จากฐานข้อมูลที่ต้องการ
ระบบวิดีโอ ออนดีมานด์จึงเป็นระบบที่จะนำมาใช้ในเรื่องการเรียนการสอนทางไกลได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา
ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองต้องการเรียนหรือสนใจได้
สรุป เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาคือ
มีส่วนช่วยในเรื่องการเรียนรู้ สนับสนุนการจัดการศึกษา ช่วยในการสื่อสารระหว่างบุคคล และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ คือ
1. การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย เป็นการนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนรู้และการฝึกอบรม
2. สื่อประสม เป็นการใช้ระบบสื่อประสมในลักษณะตัวอักษร
ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหวและเสียง วิดีโอออนดีมานด์ การใช้มัลติมีเดีย ในการเรียนการสอนและการฝึกอบรม
3. การประชุมทางไกลโดยวีดีทัศน์หรือระบบการเรียนการสอนทางไกล
เพื่อเชื่อมโยงการเรียนการสอนระหว่างผู้สอนและผู้เรียน
ระหว่างสถาบันการศึกษาให้ได้เรียนรู้พร้อมกัน
4. ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สอนและผู้เรียนในการสืบค้นระยะไกล
และเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างบุคลที่อยู่นอกระบบการศึกษาภาคปกติ
5. ระบบสารสนเทศ เป็นการรับ ประมวลผล
และจัดการข้อมูลภายในสถาบันการศึกษา เช่น การตรวจข้อสอบและคำนวณผลสอบ
การลงทะเบียนนักศึกษา การใช้บริการห้องสมุด ฯลฯ
6. ระบบฐานข้อมูล
เป็นระบบจัดการและเก็บรักษาฐานข้อมูลต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลนักศึกษา
ฐานข้อมูลอาจารย์ ฐานข้อมูลวัสดุอุปกรณ์การศึกษา ฯลฯ
7. ระบบข่ายข้อมูล
โดยใช้ระบบอินเทอร์เน็ตทั้งภายในและภายนอกสถาบันเพื่อการเรียนการสอนและการสื่อสาร
อ้างอิง
รศ.ดร. กิดานันท์มลิทอง.(2543). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีบทบาทในการศึกษา.[ออนไลน์]. http://www.gotoknow.org/blogs/posts/242734. เข้าถึงเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2555
เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีบทบาทในการศึกษา.[ออนไลน์]. http://science.srru.ac.th/org/sci-elearning/courseonline/4000108/unit7.pdf. เข้าถึงเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น